ความร้อน
1. ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิหน่วยต่างๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าที่อ่านได้ในหน่วยเซลเซียส, ฟาเรนไฮด์, โรเมอร์, เคลวิน และหน่วยที่ทำขึ้นเอง
กำหนดให้เทอร์โมมิเตอร์ขนาดเท่ากันอยู่ 5 อัน วัดอุณหภูมิในหน่วยเซลเซียส, ฟาเรนไฮด์, โรเมอร์, เคลวิน และหน่วยทำขึ้นเอง นำเทอร์โมมิเตอร์ทั้ง 5 อัน วัดอุณหภูมิของวัตถุชนิดหนึ่งปรากฏว่า อุณหภูมิที่อ่านได้จากเทอร์โมมิเตอร์ทั้ง 5 อัน เป็น C, F, R, K และ X ตามลำดับ จะได้ความสัมพันธ์ของค่าที่อ่านได้จากเทอร์โมมิเตอร์ทั้ง 5 อันดังนี้
1. ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิหน่วยต่างๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าที่อ่านได้ในหน่วยเซลเซียส, ฟาเรนไฮด์, โรเมอร์, เคลวิน และหน่วยที่ทำขึ้นเอง
กำหนดให้เทอร์โมมิเตอร์ขนาดเท่ากันอยู่ 5 อัน วัดอุณหภูมิในหน่วยเซลเซียส, ฟาเรนไฮด์, โรเมอร์, เคลวิน และหน่วยทำขึ้นเอง นำเทอร์โมมิเตอร์ทั้ง 5 อัน วัดอุณหภูมิของวัตถุชนิดหนึ่งปรากฏว่า อุณหภูมิที่อ่านได้จากเทอร์โมมิเตอร์ทั้ง 5 อัน เป็น C, F, R, K และ X ตามลำดับ จะได้ความสัมพันธ์ของค่าที่อ่านได้จากเทอร์โมมิเตอร์ทั้ง 5 อันดังนี้
รูปแสดงค่าที่อ่านได้จากเทอร์โมมิเตอร์แบบต่างๆ
จากรูป เป็นเทอร์โมมิเตอร์ที่มีขนาดเท่ากันทั้ง 5 อัน วัดอุณหภูมิชนิดเดียวกันจะได้ความสัมพันธ์ดังนี้
หมายเหตุ ในการคำนวณเทอร์โมมิเตอร์อันใดมีจุดเยือกแข็งและจุดเดือดไม่ตรงกับของ
เซลเซียส, ฟาเรนไฮด์, โรเมอร์ และเคลวิน ถือว่าเทอร์โมมิเตอร์นั้นเป็น เทอร์โมมิเตอร์ที่ทำขึ้นเอง
2.ความจุความร้อนจำเพาะของสาร
ความจุความร้อน คือ ค่าที่แสดงถึงคุณสมบัติในการรับความร้อนของวัตถุ
ความจุความร้อนของสาร (C) หมายถึง ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารมวล 1 หน่วย มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 หน่วย
ตัวอย่างเช่น
- ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ =
เซลเซียส, ฟาเรนไฮด์, โรเมอร์ และเคลวิน ถือว่าเทอร์โมมิเตอร์นั้นเป็น เทอร์โมมิเตอร์ที่ทำขึ้นเอง
2.ความจุความร้อนจำเพาะของสาร
ความจุความร้อน คือ ค่าที่แสดงถึงคุณสมบัติในการรับความร้อนของวัตถุ
ความจุความร้อนของสาร (C) หมายถึง ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารมวล 1 หน่วย มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 หน่วย
ตัวอย่างเช่น
- ความจุความร้อนจำเพาะของน้ำ =
- ความจุความร้อนจำเพาะของเหล็ก =
หน่วยปริมาณความร้อน คือ แคลอรี่ (cal) หรือ จูล (J)
จากนิยามของค่าความจุความร้อนจำเพาะของสารที่หาได้จากการทดลอง นำมาใช้ได้ในการหาปริมาณความร้อนที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนอุณหภูมิได้ดั้งนี้
3.ความร้อนแฝงจำเพาะของสาร
ความร้อนแฝง คือ ปริมาณความร้อนที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนสถานะโดยอุณหภูมิคงที่
ความร้อนแฝงจำเพาะของสาร (L) หมายถึง ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารมวลหน่วย เปลี่ยนสถานะ โดยไม่เปลี่ยนอุณหภูมิมี 2 ประเภท คือ
1.) ความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว คือ ปริมาณความร้อนที่ทำให้แข็งมวล 1 หน่วยกลายเป็นของเหลว โดยไม่เปลี่ยนอุณหภูมิ
2.) ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ คือ ปริมาณความร้อนที่ทำให้ของเหลวมวล 1 หน่วย กลายเป็นไอ โดยไม่เปลี่ยนอุณหภูมิ
ตัวอย่างเช่น
- ความร้อนแฝงจำเพาะของการหลอมเหลวของน้ำแข็ง =
หรือ 80 cal /g- ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายป็นไอของน้ำ =
หรือ 540 cal /gจากนิยามของความร้อนแฝงจำเพาะของสารที่หาได้จากการทดลอง นำมาใช้ในการหาปริมาณความร้อนที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนสถานะได้ดังนี้
มวล 1 หน่วย เปลี่ยนสถานะต้องใช้ความร้อน = L
มวล m หน่วย เปลี่ยนสถานะต้องใช้ความร้อน = mL
ถ้าให้ QL เป็นปริมาณความร้อนที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนสถานะ จะได้ความสัมพันธ์
โดย QL คือ ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนสถานะ ( cal, J )
m คือ มวลของสารที่เปลี่ยนสถานะ ( g, kg )
L คือ ความร้อนแฝงจำเพาะของสาร ( cal /g, J /kg )
4. การถ่ายเทความร้อน
เมื่อวัตถุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปที่มีอุณหภูมิต่างกันมาแตะกันหรือผสมกัน วัตถุที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจะคายความร้อนออก ส่วนวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจะรับความร้อนเข้าไว้จนกระทั่งอุณหภูมิเท่ากัน จึงหยุดถ่ายเทความร้อน
ถ้าการถ่ายเทความร้อนจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่ง ไม่มีการเสียความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อม จะได้ปริมาณความร้อนที่วัตถุอุณหภูมิสูงคายออกเท่ากับปริมาณความร้อนที่วัตถุอุณหภูมิต่ำได้รับ หรือกล่าวสั้นๆ ว่า “ความร้อนลดเท่ากับความร้อนเพิ่ม”
หลักการคำนวณโจทย์ที่เกี่ยวกับการถ่ายเทความร้อน
1. ให้ยกตัวอย่างเป็น 2 พวก พวกที่มีอุณหภูมิสูงและพวกที่มีอุณหภูมิต่ำ แล้วสมมุติตัวแปรที่โจทย์ต้องการทราบ
2. หาปริมาณความร้อนที่วัตถุต่างๆ ที่อุณหภูมิสูงคายออกมาทั้งหมด ( ความร้อนลด )
2. หาปริมาณความร้อนที่วัตถุต่างๆ ที่อุณหภูมิสูงคายออกมาทั้งหมด ( ความร้อนลด )
3. หาปริมาณความร้อนที่วัตถุต่างๆ ที่อุณหภูมิต่ำรับไว้ทั้งหมด ( ความร้อนเพิ่ม )
4. คำนวณหาค่าตัวแปรที่ต้องการจาก ความร้อนลด = ความร้อนเพิ่ม ซึ่งเขียนเป็นแผนภาพได้ดังรูป




















คนทำน่ารักทุกคนเลย555....
ตอบลบทำอีกน่ะอยากดูมักๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบเรื่องนี้น่าสนใจมัก
ตอบลบเรื่องความร้อนเข้าใจแล้วนะนะนะนะนะ
ตอบลบทำได้ไงสอนหน่อยนะ ทำมะเป็นงะ
ตอบลบทำไปได้เม้นให้ตัวเอง 5555
ตอบลบสูตรยังจำไม่ได้เลยทำข้อสอบไดป่าว
ตอบลบขอบคุณนะที่ทำให้ดูน่ะ
ตอบลบเม้นๆๆๆๆๆ จร้า เม้นให้มั้งนะนะนะนะน
ตอบลบทำไงได้เม้นไปแล้วนินะ
จ้ะจะจะจะจะจ
เม้นๆๆๆๆ กดผิดอีกละ
ตอบลบเม้นทำบล็อกเลยนะ มาเม้นให้มั้งนะนะนะน
ตอบลบเม้นอีกๆๆๆ
เม้นเยาะได้คะแนนเยาะนะจ่ะ
ตอบลบงั้นก็เม้นเยาะๆๆนะ
พอละบายๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบคะแนน
ขอนะนะนะนะนะนะ5 คะแนนนะ
ตอบลบเม้นให้ตัวเอง คล้ายๆๆกับ ซื้อกุกลาบให้ตัวเองมะ อิอิอิ
ตอบลบเป็นหมอโฮ๊กหรอ 5555
ตอบลบ